เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ เฮนเดอร์สัน จะหมดสิทธิ์ลงเล่นให้ทีมแน่นอน 4 นัดในทุกรายการ ประกอบด้วยเกมลีกกับ เวสต์แฮม วันที่ 24 ก.พ. นี้, เกมลีกกับ วัตฟอร์ด วันที่ 29 ก.พ. นี้, เกม เอฟ เอ คัพ รอบ 5 กับ เชลซี วันที่ 3 มี.ค. นี้ และเกมลีกกับ บอร์นมัธ วันที่ 7 มี.ค.นี้ และยังต้องรอลุ้นอีกว่าเขาจะฟิตทันลงเล่นเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสองกับ แอตเลติโก มาดริด วันที่ 11 มี.ค. นี้รึเปล่า
มันไม่ใช่ว่า ลิเวอร์พูล ขาดตัวเลือกในตำแหน่งแบบเดียวกับ เฮนเดอร์สัน ที่ผ่านมาดาวเตะชาวอังกฤษรับบทบาทมิดฟิลด์ตัวกลางที่ทำหน้าที่ในด้านเกมรับบ้างและเกมรุกบ้าง ซึ่งมันยังเหลืออีก 4 คนที่พอจะรับบทบาทแบบเดียวกับ เฮนเดอร์สัน เพื่อมาเล่นร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม ในระบบ 3 มิดฟิลด์ได้ นั่นคือ เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า และ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และ อดัม ลัลลาน่า ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่าใครที่เหมาะกับการลงแทน เฮนเดอร์สัน มากที่สุด
– นาบี เกอิต้า
ดาวเตะชาวกินียังคงโดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานไม่หยุดจนทำให้ในซีซั่นนี้เขาเพิ่งได้ลงเล่นในลีกไปเพียง 8 นัด และเป็นในฐานะตัวจริงแต่ 3 เกมเท่านั้น โดยเขาก็เพิ่งหายเจ็บตรงต้นขาจนกลับมาลงสนามในลีกได้ในช่วง 3 นัดหลังสุด
แน่นอนว่า เกอิต้า มีความสามารถที่โดดเด่นในเกมรุก อย่างช่วง 8 นัดที่ได้ลงเล่นในลีกก็มีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้า 88.7 เปอร์เซ็นต์ แต่สภาพของเขาในตอนนี้คงยังเร็วเกินไปที่จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง
ความน่าใช้ : 1.5/5
– อดัม ลัลลาน่า
แม้ว่าเดิมทีเขาจะเป็นกองกลางตัวรุก แต่ในช่วงปรีซีซั่น ลัลลาน่า ก็ลองหันมารับบทบาทตัวกลางแบบของ เฮนเดอร์สัน บ้าง ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีในเกมอุ่นเครื่องจนถึงขนาดที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังออกปากชมมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม พอถึงฤดูกาลแข่งจริงแล้วมันคนละเรื่อง ลัลลาน่า เพิ่งได้ลงเล่นในลีกไปเพียง 13 นัดเท่านั้นในฤดูกาลนี้ และยังเป็นในฐานะตัวจริงเพียง 3 เกมด้วย ทำให้ถึงแม้เขาจะมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลเข้าเป้า 83.4 เปอร์เซ็นต์ หรือมีค่าเฉลี่ยการสกัดโดนบอล 1.3 ครั้งต่อนัด แต่มันก็ไม่สามารถตัดสินอะไรได้มากนัก และการจะใช้งานเขาก็ออกจะเสี่ยงไปหน่อย
ความน่าใช้ : 2/5
– เจมส์ มิลเนอร์
แม้ว่าจะเป็นดาวเตะสารพัดประโยชน์ที่สามารถถอยไปเล่นเป็นฟูลแบ็กได้เหมือนกัน แต่ต้องไม่ลืมกันว่าเดิมทีแล้วตำแหน่งหลักของ มิลเนอร์ คือมิดฟิลด์ตัวกลาง ในเกมลีก 17 นัดของฤดูกาลนี้เขาได้ลงเล่นในตำแหน่งฟูลแบ็กไปเพียง 1 เกมเท่านั้น
ทั้งนี้ มิลเนอร์ มีผลงานที่น่าประทับใจกับการผ่านบอลในระดับหนึ่งจนไม่น่าเชื่อว่าจะอายุ 34 ปีแล้ว เพราะเขาผ่านบอลเข้าเป้าในลีก 86.6 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม เขาก็เหมือนกับ ลัลลาน่า ที่จริงๆ แล้วไม่ค่อยได้เป็นตัวจริงเท่าไหร่ โดยจากการลงเล่นในลีกไป 17 นัด มันถือเป็นการลงสนามตั้งแต่วินาทีแรกเพียง 6 เกมเท่านั้น
ความน่าใช้ : 2/5
– อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน
หลังจากที่เจ็บตรงเอ็นไขว้หน้าข้อเข่าจนต้องพักนานมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาล 2017-18 อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็ได้รับโอกาสลงเล่นเยอะพอตัวในซีซั่นนี้ หลังจากได้ลงสนามในลีกไป 18 เกม แบ่งเป็นในฐานะตัวจริง 11 นัด และในฐานะตัวสำรอง 7 หน โดยส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ชื่นชอบฝีเท้าของเขามากๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจของ คล็อปป์ ได้ดีพอตัว หลังจากที่เขาผ่านบอลเข้าเป้าในลีก 84.5 เปอร์เซ็นต์, วางบอลยาวเข้าเป้า 1.7 หนต่อนัด, โดนคู่แข่งแย่งบอลจากเท้าไปเพียง 0.7 หนต่อเกม ฯลฯ ทำให้เขาสามารถช่วยขึ้นเกมรุกจากแผงมิดฟิลด์ได้ ถ้าหากปีกทั้ง 2 ข้างของทีมเจออุปสรรคบางอย่าง
นอกจากนี้ ในด้านเกมรับเอง อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ก็ยังขยันจนสามารถสไลด์แย่งบอลได้ 0.8 ครั้งต่อเกม, ตัดบอลแบบไม่ต้องพุ่งเสียบ 0.8 ครั้งต่อนัด และโดนเลี้ยงผ่านเพียง 0.7 ครั้งต่อเกมด้วย ทำให้เขาดูจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดที่จะแทนที่ เฮนเดอร์สัน
อ่านเพิ่มเติม >>> https://www.ufabetwins.com/
คลิกเลย >>> https://www.projectunifyoregon.com/