UFABETWINS คริสต์มาสของชาวคริสต์ เปรียบได้กับเทศกาลซึ่งทุกหัวใจอันเหนื่อยล้าจะได้กลับบ้านที่แท้จริง ได้พบครอบครัวอันอบอุ่น และได้เจอกับช่วงเวลาแสนพิเศษ นั่นจึงทำให้ คริสต์มาส นั้นเป็นความทรงจำที่หอมหวานและให้บทเรียนอะไรมากมายเมื่อวัยเด็ก
นี่คือเรื่องราวของ เซิร์จ อิบากา นักบาสเกตบอล NBA ที่เคยนำ โตรอนโต แรปเตอร์ส คว้าแชมป์เมื่อฤดูกาล 2018-19 คริสต์มาสส่งผลกระทบกับชีวิตของเขามากมายเหลือเกิน นับตั้งแต่เกิดมาเขาได้บทเรียนจากคริสต์มาสอยู่สองแบบนั่นคือ สุขสุด ๆ และทุกข์สุดขีด ที่ประเทศคองโก ดินแดนที่มีสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา นี่คือสิ่งที่เขาได้ประสบพบเจอตั้งแต่ยังเด็ก จนกลายเป็นภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต และทำให้เขาเป็นแชมเปี้ยนโดยแท้จริง
คริสต์มาสในความทรงจำ คองโก (ในที่นี้คือ สาธารณรัฐคองโก มิใช่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ ดีอาร์ คองโก ที่หลายคนอาจคุ้นในชื่อเก่า ซาอีร์) ถือเป็นประเทศที่มีคนนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนมาก เพราะเป็นศาสนาดั้งเดิมที่อยู่คู่สังคมมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งเข้าสู่ยุคจักรวรรดินิยม หลายประเทศในยุโรปอยากได้ คองโก เป็นประเทศราช เนื่องจากเป็นประเทศขนาดใหญ่พื้นที่อุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่ามากมาย
ก่อนท้ายที่สุด คองโก จะตกเป็นของ ฝรั่งเศส ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่มีความโหดร้ายเกิดขึ้นมากมาย มีการสังหารหมู่ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และยึดเอาทรัพย์สินที่ประเทศคองโกมีเพื่อส่งไปให้ประเทศเจ้าอาณานิคม นั่นคือสิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น ทว่าอย่างน้อย พวกเขายังมีสิ่งหนึ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ นั่นคือ ศาสนาคริสต์ ที่เข้าสู่ดินแดนนี้ตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 15 จากมิชชันนารีชาวโปรตุเกส ชาติแรกจากทวีปยุโรปที่ข้ามพรมแดนมายังดินแดนแห่งนี้ นี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ
ที่ทำให้ชาวคองโกส่วนใหญ่เกิน 80% ของประชากรกว่า 5 ล้านคนในประเทศ ณ ปัจจุบันนับถือศาสนาคริสต์ แตกต่างจากชาติในแอฟริกาอื่น ๆ หลายชาติ ที่สัดส่วนการนับถือศานาอิสลามและคริสต์อยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่ใกล้เคียงกัน เมื่อมีชาวคริสต์เยอะ ก็หมายความถึงเทศกาลคริสต์มาสได้กลายเป็นเทศกาลที่มีความหมายสำหรับชาวคองโกส่วนใหญ่ นี่คือเทศกาลที่ทุกคนรอคอย มันคือความหวังของเด็ก ๆ ที่จะได้มีวันที่พิเศษ ๆ แตกต่างจากทุกๆวัน เซิร์จ อิบากา
นักบาสผู้ครอบครองแหวนแชมป์ NBA 1 วง ยังจำวัยเด็กของเขาที่ คองโก ได้อย่างดี มันคือช่วงเวลาที่ให้บทเรียนชีวิตมากมาย มันทำให้เขารู้ว่านี่คือเทศกาลแห่งความสุขที่แท้จริง และเมื่อสุขก็สุขสุด ๆ จนเขารู้สึกว่าอยากให้มีคริสต์มาสทุกๆวัน “คริสต์มาสที่ประเทศคองโกเป็นงานใหญ่มาก แม้ที่นี่จะไม่มีหิมะเหมือนกับโตรอนโต (ที่อยู่ปัจจุบัน) แต่ทุกคนจะออกมานอกบ้าน และทุกบ้านจะตกแต่งด้วยไฟวิบวับเต็มไปหมด เด็ก ๆ ทุกคนจะได้แต่งตัวหล่อที่สุดในรอบปี
ออกมาขี่จักรยาน เล่นปืนอัดลม ใส่หน้ากากลายฮีโร่ต่าง ๆ จากนั้นเราจะกินอาหารค่ำมื้อใหญ่ ครอบครัวผมเราจะไปกินข้าวที่บ้านยาย พร้อมกับมีเสียงดนตรีคลอไปด้วย” อิบากา เล่าให้กับ Sportsnet ฟัง ครอบครัวของ อิบากา ไม่ได้ร่ำรวย เขามีพี่น้องรวมกันถึง 18 คน ทว่าก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร เขามีความสุขดีกับชีวิตวัยเด็ก ณ เวลานั้น โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสที่เขาจำแม่นที่สุด เขาไม่ค่อยมีโอกาสได้กินของที่คนทั่วไปกินได้ทุกวัน น้ำอัดลม เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขา
เฝ้ารอวันคริสต์มาส เพราะในวันนี้เขาจะกินเท่าไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ “เราได้ดื่มน้ำอัดลมในวันนั้นด้วย และนั่นคือสิ่งพิเศษเลยนะ ที่โตรอนโตเราจะส่ายหัวเลยเวลาบอกว่าจะดื่มน้ำพวกนี้ไหม แต่ที่ คองโก มันโคตรจะพิเศษเลย เราไม่มีโอกาสได้กินมันทุกวันหรอกนะ มีแต่โอกาสดี ๆ แบบคริสต์มาสเท่านั้น” เหนือของกินและวาระพิเศษต่างๆ มันคือวันที่ครอบครัวรวมกันเป็น 1 รอยยิ้มและความสุขถือเป็นความทรงจำเล็ก ๆ ของเขาที่ประกอบเข้าด้วยกันและเป็นภาพจำที่ตนเอง
ไม่มีวันลืม ครอบครัวใหญ่นั่งกันเต็มโต๊ะกินข้าว สุขใจเท่าที่เรามี ชีวิตคนเราจะมีอะไรมากกว่านี้ คริสต์มาส คือเทศกาลแห่งความสุขโดยไม่มีเรื่องร้ายเจือปน เขาคิดเช่นนั้นเสมอมา จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง และทำให้เขาต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ ว่าทุกอย่างเป็นเพียงสิ่งสมมติเท่านั้น คริสต์มาสที่จำได้ดียิ่งกว่า แม้จะอยู่ในครอบครัวยากจน แต่พ่อและแม่ของ อิบากา นั้นถือเป็นบุคลากรชั้นแนวหน้า กล่าวคือทั้งสองคนมีโอกาสได้เรียนหนังสือ มีโอกาสได้เล่นกีฬา
ทั้งคู่เป็นนักบาสเกตบอลระดับทีมชาติ คุณพ่อติดทีมชาติคองโก ขณะที่คุณแม่ติดทีมชาติดีอาร์ คองโก และทั้งคู่ได้สอนให้ อิบากา ได้รู้จักความสนุกของบาสเกตบอล และเล่นมันเสมอในช่วงเวลากิจกรรมหรือยามว่าง การเป็นคนที่มีความคิดและวิสัยทัศน์ ทำให้พ่อและแม่ของ อิบากา เป็นพวกหัวก้าวหน้า หรือเป็นฝั่งซ้ายที่มองตรงข้ามรัฐบาลเผด็จการ ทั้งคู่จึงถูกเพ่งเล็งในฐานะผู้อาจจะเป็นภัยต่อประเทศเสมอมา แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ อิบากา จดจำไม่ลืมก็เกิดขึ้น
เมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ แม่ของเขาเสียชีวิตไปด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ มันเป็นความสูญเสียที่เขาพยายามจะเข้าใจมันให้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม่บอกเสมอว่า เมื่อแม่จากไปเขาจะต้องใกล้ชิดกับครอบครัวยิ่งกว่าที่เคย คอยดูแลพี่ ๆ น้อง ๆ ให้ดี เพราะประเทศนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ หลังจากแม่เสียได้ปีเดียวเท่านั้น คองโก ก็เกิดสงครามกลางเมืองเป็นครั้งที่ 2 และสงครามครั้งนี้ถือเป็นสงครามต่อเนื่องมาจากสงครามกลางเมืองในช่วงปี 1993-94
อันมีมูลเหตุจากการโกงเลือกตั้งในรัฐสภา ซึ่งในครั้งนั้นมีประชาชนเสียชีวิตกว่า 2,000 คน ขณะที่สงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ในปี 1997 นั้นเกิดจากการรัฐประหารเพื่อแย่งชิงอำนาจ และมีการแบ่งก๊กแบ่งเหล่าเป็น 3 กองทัพได้แก่ Cobra, Cocoye และ Ninja โดยสงครามดังกล่าวเกิดขึ้นกลางเมืองหลวง บราซาวิลล์ อันเป็นเมืองเกิดของ อิบากา และมีการยิงกันกลางเมืองบ่อยครั้งจนพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งกองกำลังที่กล่าวมาทั้งหมดก็ล้วนทำตามแต่ที่
ตัวเองชอบใจ เช่น ขู่กรรโชกทรัพย์ประชาชนโดยเฉพาะในฝั่งตรงข้ามของตนเอง ตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่เกิดสงครามกลางเมืองคองโก (1997-99) ครอบครัวของ อิบากา ที่นำโดย เดซิเร อิบากา ผู้เป็นพ่อ ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีนัก เพราะพ่อของเขาถือเป็นผู้มีปมขัดแย้งทางการเมืองและถูกเพ่งเล็งจากภาครัฐมาตั้งแต่แรก เดซิเร จึงได้พาครอบครัวอพยพย้ายเมืองไปอยู่ที่เมือง Ouesso ทางตอนเหนือของประเทศ ที่นี่เป็นเมืองเล็ก ๆ ไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ เมื่อสงครามใน
สงบลงในปี 1999 เดซิเร พาครอบครัวกลับมายังกรุง บราซาวิลล์ อีกครั้ง ทว่าวีรกรรมครั้งเก่า รวมถึงการเป็นคนละขั้วกับผู้มีอำนาจของ เดซิเร หลังจากกลับมาอยู่ที่เดิมได้ไม่นาน พ่อของเขาก็โดนจับขังคุกจากการเป็นภัยคุกคามของรัฐ ทำให้ เซิร์จ อิบากา ต้องอยู่กับยาย จากที่เคยลำบากอยู่แล้ว ก็ยิ่งลำบากยิ่งกว่าเดิมแบบคูณ 3 สิ่งที่ทำให้เขารู้ว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปลงไปแบบสุดขีดมากที่สุด ไม่ใช่แค่การขาดไฟฟ้าหรือน้ำประปา แต่เป็นเพราะวันคริสต์มาสและครอบครัว
ที่เขาคุ้นเคยต่างหาก เขามีภาพจำว่าคริสต์มาสเป็นเหมือนเทศกาลในฝันและเต็มไปด้วยความสุข ทว่าเมื่อถึงวันที่พ่อแม่ไม่อยู่ เขาจึงได้ลิ้มรสคริสต์มาสในอีกแบบ อันเลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลยทีเดียว “คริสต์มาสที่คองโกสำหรับ เซิร์จ อิบากา นั้นมีหลายเวอร์ชั่นนะ” เขาเล่าให้ฟัง “ตอนที่ผมมีพ่อแม่มันต่างกันมากเลย คุณได้แกะกล่องของขวัญ ได้เที่ยวเล่นสนุกสนาน ได้ทำทุกอย่างเหมือนกับอยู่ในฝัน แต่ในวันที่แม่ของผมจากไป และพ่อก็ถูกขังอยู่ในคุก
ผมจึงได้รู้ถึงความแตกต่างแบบสิ้นเชิง” “ตอนที่แม่ยังอยู่ แม่สปอยล์ผมน่าดูเลย ผมเป็นลูกชายคนเดียวในบ้าน คุณก็คงจะนึกออกนะว่าผมได้ทุกอย่างที่ต้องการ พอพ่อแม่จากไป ทุกอย่างเลวร้ายมาก คริสต์มาสแย่ ผมไม่โกหกใครหรอกนะว่าตอนนั้นผมเกลียดวันคริสต์มาสไปเลย ผมไม่ชอบมัน มันมีแต่เรื่องน่าเศร้า มีแต่ความผิดหวังเต็มไปหมด ผมถามตัวเองตลอด ทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องมาเกิดกับผมด้วย ผมไม่เข้าใจจริง ๆ” อิบากา เล่าย้อนกลับไปในวัย 12 ปี
ยิ่งโตขึ้นภาพจำก็ชัดขึ้น คริสต์มาสของเขาไม่สนุกอีกต่อไป หลังจากอายุ 12 ปี อิบากา ไม่ได้ฉลองคริสต์มาสเลย มันทำให้เขาเจ็บปวด และทางเดียวที่จะลืมได้คือ “หาอะไรทำให้พ้น ๆ วันนั้นไปซะ” ความเกลียดที่มีต่อวันคริสต์มาส นำมาซึ่งความรักในสิ่งใหม่ นั่นก็คือบาสเกตบอล มรดกที่พ่อและแม่ของเขาฝากไว้ให้ก่อนที่ความทรงจำเลวร้ายจะเกิดขึ้น อิบากา มักจะออกไปเล่นบาสเกตบอลทุก ๆ วัน โดยเฉพาะวันคริสต์มาสนั้นจะพิเศษกว่าวันอื่น ๆ เพราะมันจะมีการแข่งขัน
ในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะ ใครชนะก็จะมีรางวัลให้ เป็นเงินสดหรืออะไรก็แล้วแต่ และสำหรับ อิบากา ที่เป็นเด็กกำพร้าที่ต้องสู้เพื่อตัวเอง เขาจริงจังกับการแข่งขันนี้มาก “การแข่งบาสช่วงคริสต์มาสคือเหตุผลที่ทำให้ผมรักกีฬาชนิดนี้มาก เมื่อผมต้องการบางสิ่งบางอย่าง ผมต้องออกไปคว้ามันด้วยตัวเอง และเมื่อใดก็ตามที่จิตใจปั่นป่วน ต้องการไปที่ใดสักที่เพื่อลืมเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บาสเกตบอลอยู่ที่นั่น มันรอผมอยู่เสมอ” บาสเกตบอล คือเครื่องมือหลีกหนีความทรงจำ
ที่ไม่อยากจำของ อิบากา และในอีกทางหนึ่ง มันคือเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้เขาก้าวไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่ดีกว่าด้วย เพราะเมื่อยิ่งเล่น ยิ่งซ้อม ยิ่งมาสนามบาสมากเท่าไหร่ เขาก็เก่งขึ้นเท่านั้น รู้ตัวเองทีเขาก็ได้เล่นให้กับสโมสรบาสในประเทศคองโกไปแล้วตั้งแต่อายุแค่ 15 ปีเท่านั้น บาสเกตบอลพาเขาหนี
ออกจากความทรงจำที่ไม่ดีในคองโกได้จริง ๆ เขามีโอกาสได้ย้ายไปเล่นในฝรั่งเศส และในสเปน ตอนอายุ 17 ปี ด้วยส่วนสูงระดับ 213 เซนติเมตร เขากลายเป็นดาวเด่นของทีม ออสปิตาเลต จนได้รางวัล MVP ของลีก และทำให้เขาเข้าตาแมวมองจาก NBA จนได้
คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล