UFABETWINS

UFABETWINS ใครใช้ให้อ่อนหัด? : น็อค “ออร์ติซ” … ชัยชนะขี้โกงที่ “ฟลอยด์” จะไม่มีวันเอ่ยคำขอโทษ

UFABETWINS ผมคิดมาตลอดว่าไอ้ฟง ไอ้ฟลอยด์ นี่มันคือใครเหรอ? เดี๋ยวทุกคนก็รู้เองว่าใครจะหมู่ใครจะจ่า ฉากสุดท้ายของอาชีพของนักมวยคนหนึ่ง

ขณะที่อีกคนกำลังเริ่มตัน ใครสักคนที่กล้าพูดแบบนี้กับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักชกไร้พ่ายเข็มขัดเเชมป์เต็มเอวจะต้องเป็นคนที่กล้ามาก และเขาคนนั้นคือ วิคเตอร์ ออร์ติซ ที่มั่นใจมากว่าที่สุดเเล้ว สถิติไร้พ่ายของฟลอยด์ “เป็นแค่คำโฆษณาชวนเชื่อ” ก่อนที่ทั้งสองคนจะได้ลงซัดหน้ากันจริงๆ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนชนะ ไม่เช่นนั้นฟลอยด์ คงไม่ถูกเรียกว่าแชมป์ไร้พ่าย แต่ที่น่าสนใจคือรายละเอียดที่ซ่อนอยู่หลังผลการแข่งขัน

เพราะนั่นคือไฟต์ที่ทำให้หลายคนส่ายหัวเเละเรียก ฟลอยด์ ว่า “ไอ้ขี้โกง” เกิดอะไรขึ้นในไฟต์นั้นบ้าง ให้มันจบที่รุ่นเรา เรื่องของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นั้นแทบไม่มีคอมวยคนใดที่ไม่รู้จัก เก่งกาจ ฉลาด คุมจังหวะการชกได้ และที่สำคัญคือ “หวังผลชนะได้เสมอ” นั่นคือคุณสมบัติของเขา ในทางหนึ่ง มันคือความสุดยอดที่หลายคนไม่สามารถปฎิเสธ แต่ในอีกทาง คนชิงชังในสไตล์ของเขาก็มีไม่น้อย ไม่ใช่แค่แฟนมวยเท่านั้นที่มองว่าเขาเพลย์เซฟเกินไป

ชกแบบปิดการ์ด ออกหมัดน้อย และถอยหนี ซึ่งนั่นผิดกับเเชมป์รุ่นน้ำหนักเดียวกันคนก่อน ๆ อย่างลิบลับ อย่างน้อยหากลองเทียบมวยสายบ็อกเซอร์ยุค 80s อย่าง ชูการ์ เรย์ เลียวนาร์ด ก็ยังคงเป็น เลียวนาร์ด ที่มีความบู๊สู้สนุกมากกว่าฟลอยด์เป็นไหน ๆ ดังนั้นอย่างที่ได้กล่าวไป ฝ่ายชิงชังในสไตล์และปรามาสฝีมือของเขาแม้จะมีสถิติไร้พ่าย ไม่ได้มีแค่แฟนมวยเท่านั้น แม้แต่นักมวยหลายคนก็ยังส่ายหน้าแล้วบอกว่าคนอย่างฟลอยด์นั้นไม่เท่าไหร่ หนึ่งในนั้นคือ

“วิคเตอร์ ออร์ติซ” นักชกอเมริกันที่มีเชื้อสายเม็กซิกันจากพ่อและแม่ที่เป็นผู้อพยพ เม็กซิโก สร้างนักมวยแชมป์โลกมากที่สุดในโลก ด้วยความเชื่อที่ว่ากันว่าชายเม็กซิกันทุกคนมีสายเลือดนักสู้อยู่ในตัว และ ออร์ติซ ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในนั้น ครอบครัวของเขาอพยพเข้ามาในสหรัฐอเมริกาก่อนที่เขาจะเกิด ทว่าตอนเขาอายุ 7 ขวบ แม่ของเขาก็ทิ้งครอบครัวไป ปล่อยให้เขาและพ่อต้องเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น บิดาบังเกิดเกล้าเริ่มติดเหล้าและทุบตีลูก ๆ

ขณะที่ ออร์ติซ เองก็ยอมรับว่า ต้องการให้แม่กลับมา ทว่าความจริงนั้นโหดร้าย แม่ของเขาปฏิเสธคำขอของลูกชายอย่างไม่ใยดี “ผมเกลียดผู้หญิงคนนั้น ผมเขียนการ์ดและแนบกุหลาบดอกเล็ก ๆ ไปให้ ผมส่งมันให้เธอ แต่เธอขว้างทิ้งก่อนจะบอกว่า ‘แล้วฉันจะเอาไอ้การ์ดขยะนี่ไปเพื่ออะไร ?’ นั่นแหละคือจุดเปลี่ยนทั้งหมด พ่อผมเริ่มเมาจนเสียสติ และตัวผมก็โดดขึ้นเวทีชกมวยตั้งแต่นั้นมา” ออร์ติซ ถูกสิ่งรอบตัวหนุนให้เขาเป็นคนที่ยอมหักไม่ยอมงอ

และนั่นเหมือนจะเป็นนิสัยที่เหมาะกับการเป็นนักมวยอย่างยิ่ง ความแข็งกร้าวถูกส่งผ่านมายังสไตล์การชกของเขา ออร์ติซ เป็นมวยเม็กซิกันพันธุ์แท้ เดินชกไม่ยั้ง เปิดหน้าเเลกอย่างเดียว เขาเริ่มสร้างชื่อเสียงหลังจากเทิร์นโปรในปี 2004 ไต่ขึ้นมาจนกลายเป็นแชมป์โลกรุ่นไลท์เวลเตอร์เวต ของ WBO จากนั้นในปี 2008 ก็ได้รับการโหวตจาก ESPN ให้เป็นนักมวยดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีอีกด้วย ออร์ติซ ชนะคู่ชกแบบไม่หยุดยั้ง มีเพียงหนเดียว (ก่อนถึงไฟต์ที่เราจะพูดถึง)

เท่านั้นที่เขาแพ้แบบไม่ครบยก นั่นคือการโดน คาร์ลอส ไมดาน่า น็อกยก 6 ในปี 2009 เท่านั้น แต่ ณ เวลานั้นเขายังอายุแค่ 21 ปี ทำให้หลายคนมองว่า นั่นคือความพ่ายแพ้ที่จะทำให้เขาเเกร่งขึ้นไปอีกเมื่อโตขึ้น แม้จะแพ้แต่ความห้าวยังคงอยู่ ออร์ติซ ไม่ได้เสียขวัญและกลายเป็นมวยไฟเตอร์แถวหน้าของโลกหลังจากแพ้ให้กับ ไมดาน่า จริง ๆ เวลาผ่านไป 2 ปีหลังจากนั้น เขาถูกเรียกว่า “โกลเดน บอย คนต่อไป” และการจะเป็นเช่นนั้นได้ เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองกับนักมวย

UFABETWINS

ที่เก่งที่สุดในยุคนั้น นั่นคือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นั่นเอง ไม่มีความกลัวปรากฎบนสีหน้าและคำสัมภาษณ์แม้แต่น้อย ไม่รู้ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม ออร์ติซ ประกาศอย่างกล้าหาญแบบไม่กลัวศักดิ์ศรีฟลอยด์แม้แต่น้อย เขาอยากให้ฟลอยด์โกรธ ให้ฟลอยด์เอาจริง และที่สำคัญที่สุด การพูดเช่นนั้นทำให้ไฟต์ดังกล่าวเป็นที่จับตาของคนทั้งโลก “ผมคิดมาตลอดว่าไอ้ฟง ไอ้ฟลอยด์ นี่มันคือใครเหรอ? เดี๋ยว 17 กันยายน 2011 ทุกคนก็รู้เองว่าใครจะหมู่ใครจะจ่า

ฉากสุดท้ายของอาชีพของนักมวยคนหนึ่ง ขณะที่อีกคนกำลังเริ่มตัน” ออร์ติซ ที่อายุน้อยกว่า ฟลอยด์ 10 ปี ว่าอย่างนั้น และบังเอิญว่าไม่ใช่แค่เขาที่คิดว่าสิ่งที่พูดจะเป็นจริง หลายสื่อก็ยังลงบทความใหญ่โตว่า บางทียุคสมัยของฟลอยด์ “อาจจะเดินทางมาถึงจุดจบ” เเล้วก็เป็นได้ ความหวังของเฮทเตอร์ “วิคเตอร์ ออร์ติซ สามารถเอาชนะ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้” นี่คือพาดหัวสกู๊ปของ Bleacher Report ที่โหมโรงเกี่ยวกับไฟต์นี้ “หลายคนบอกว่าฟลอยด์นอนมา

แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น วิคเตอร์ ออร์ติซ จะเป็นพิมพ์เขียวของนักมวยยุคใหม่ และเขาจะเป็นคลื่นทีไล่หลังตำนาน พริตตี้ บอย กระเด็นออกจากบัลลังก์แน่” รอรี่ บาร์ส ผู้เขียนบทความอธิบายความเชื่อของเขาและขยายความต่อ รอรี่ กูรูมวยชาวอเมริกันยืนยันต่อว่า ฟลอยด์ เป็นนักชกที่ได้รับการดูแลจากสมาคมมวยระดับโลกมากกว่านักมวยคนอื่นๆ เขายกตัวอย่างไฟต์กับ โฮเซ่ หลุยส์ กาสตีโญ่ ในปี 2002 และ ไฟต์กับ แซ็บ ยูดาห์ ในปี 2006 ที่ ฟลอยด์ เป็นฝ่ายชนะหลังจาก

ต่อยครบ 12 ยกนั่นเอง อีกหนึ่งเหตุผลที่สื่อใหญ่จากอเมริกันให้ความเชื่อมั่นแก่ ออร์ติซ คือ ฟลอยด์ ไม่เคยได้เจอนักมวยสายเดินที่กำลังหนุ่มฉกรรจ์อย่าง ออร์ติซ มาก่อน ถึงขั้นที่บอกว่า ฟลอยด์ นั้นอัดแต่มวยส้วมเพื่อต่ออายุแชมป์ไร้พ่าย แม้ ริคกี้ ฮัตตัน, อาร์ตูโร่ กัตติ และ ฮวน มานูเอล มาร์เกซ จะมีฝีมือ ทว่าแต่ละคนก็ช้าเกินกว่าจะเอาชนะมวยทรงฟลอยด์ได้ “ออร์ติซ คือนักชกที่มีแบบจำลองมาจาก กาสตีโญ่ มีความหลากหลาย คาดเดายาก และมีคาแร็คเตอร์ที่เเข็งแกร่ง

เขาพร้อมจะแบกเข็มขัดแชมป์ของ “เดอะ มันนี่” ออกจากประตูได้แน่ ถ้าเขาสามารถทำให้ ฟลอยด์ หมดพลังงานจากการหนีหมัดที่ยิงไม่หยุดของเขาได้” ฝั่ง BR จบเรื่อง ขณะที่ฝั่ง ESPN สื่อกีฬาใหญ่ระดับโลกก็เห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ความแตกต่างระหว่างมวยรับสุดขั้น กับบุกสุดขั้ว มีโอกาสทีจะทำให้ ออร์ติซ เอาชนะได้ พวกเขาให้เหตุผลไว้ 5 ข้อหลัก ๆ โดยเน้นไปที่เรื่อง “วัน ฮิต วอนเดอร์” (หรือ หมัดฟ้าประทาน) ของฝั่ง ออร์ติซ ที่ดีพอจะทะลุการ์ดที่ดีที่สุดในโลก

ของ ฟลอยด์ นอกจากนี้ยังมีการอ้างอิงถึงไฟต์เก่า ๆ ของฟลอยด์ที่กินมวยอ่อนมาเยอะ จนอาจจะทำให้สนิมเกาะ และที่สำคัญ วิคเตอร์ ออร์ติซ ยังมีศักยภาพอีกมากที่ซ่อนอยู่ และข้อสุดท้ายคือนี่คือไฟต์สุดท้ายที่ ออร์ติซ คาดหวังจะเอาชนะมากที่สุดในชีวิตของเขา นอกจากจะชนะในเเง่ของผลการแข่งขันแล้ว ออร์ติซ ยังหวังให้ไฟต์นี้เป็นการประกาศตัวตนของเขาให้คนทั่วโลกรู้จักในคราวเดียว นั่นคือสิ่งที่เหล่าเฮทเตอร์ (กองแช่ง) อยากจะเห็น เพราะพวกเขาเบื่อ ฟลอยด์

ที่ทำให้การชกชิงแชมป์โลกสร้างความง่วงเหงาหาวนอน เพราะ ฟลอยด์ เป็นมวยตั้งรับ ดักชก และถ้าหากไม่ได้เจอคนที่เดินเข้าหาเก่งจริง ๆ ก็แทบจะไม่โดนต่อยเลย นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงถูกเรียกว่า “พริตตี้ บอย” อันมีความหมายมาจาก “โคตรมวย” ที่ชนะโดยที่หน้าไม่มีแผลปูดบวมนั่นเอง ขึ้นชกจริง ๆ 16 เดือนก่อนชกกับ ออร์ติซ คือวันว่างของ เมย์เวทเธอร์ ที่ไม่ได้ขึ้นเวทีชกแบบเป็นทางการเลย ดังนั้นไม่แปลกที่ใครคาดหวังว่าเขาจะเชื่องช้าไม่ทันกาล

UFABETWINS

และเจ้าของเข็มขัดเเชมป์โลก 5 รุ่นจะต้องโดนอัดจนเข็มขัดกระเด็นในท้ายที่สุด 3 ยกแรกที่ MGM Grand ลาสเวกัส ออร์ติซ คนหนุ่มทำได้ดีในการชวนทะเลาะตลอดเวลา ตอดเล็กตอดน้อยจนฟลอยด์ต้องหงุดหงิด อย่างไรก็ตาม ฟลอยด์ ก็ยังคงเป็นฟลอยด์ ที่ไม่ออกอาการเป๋ให้ใครเห็น หนำซ้ำยังดักสวนให้มวยหนุ่มเสียทรงเป็นระยะ ๆ การชกของมวยกระดูกอย่าง ฟลอยด์ ปั่นประสาท ออร์ติซ ไปในตัว จนสุดท้าย ออร์ติซ ที่ต่อยเท่าไหร่แต่ ฟลอยด์

ยังคงเก็บอาการได้ก็เริ่มหัวเสีย และใช้หัวกระแทกจนกรรมการต้องตัดคะแนนเขา ทว่าหลังจากกลับมาชกกันใหม่ ออร์ติซ ก็รวบรวมสมาธิได้และเข้าไปขอโทษขอโพยฟลอยด์ ทั้งสองคนเหมือนจะกอดคอสงบศึก จากนั้น ออร์ติซ ก็เดินไปขอโทษฟลอยด์เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในจังหวะนั้นเองถือว่ายังอยู่ในช่วงเวลาของการชกปกติอยู่ และการที่ ออร์ติซ ลดการ์ดลงก็เป็นการเปิดโอกาสให้ ฟลอยด์ เผด็จศึกแบบที่ช็อคคนทั้งโลก ฟลอยด์ ไม่รอให้ ออร์ติซ ชนนวมเสร็จเรียบร้อย 100%

เพราะทันทีที่คู่ชกเปิดการ์ด ฟลอยด์ ชักหมัดฮุกใส่ ออร์ติซ แบบเต็ม ๆ ทันที โดนแบบนั้นจัง ๆ ไม่ว่าใครก็ยืนไม่ไหว แม้จะพยายามเท่าไหร่ ออร์ติซ ก็ลุกไม่ขึ้น กรรมการในวันนั้นต้องยุติการชกและให้ ฟลอยด์ ในวัย 34 ปี เป็นฝ่ายชนะน็อคและคว้าแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวตไปครองได้สำเร็จ คนดูฝั่งออร์ติซโห่ลั่นในความ “ขี้โกง” จากมุมมองของพวกเขา ไม่ต่างจากแฟนทางบ้านที่ซื้อเพย์เพอร์วิวกว่า 1.2 ล้านครัวเรือน ที่มั่นใจว่าการทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกขี้ปอดแหก

เพราะในขณะที่ ออร์ติซ เดินหน้าชกฟลอยด์ทำเเต้มเรื่อย ๆ ถ้าเกมยืดเยื้อ ออร์ติซ จะยิ่งได้เปรียบเพราะหนุ่มกว่า ฟิตกว่า และน้ำหนักตัว (ที่ขุนเพิ่มหลังชั่งน้ำหนักผ่าน) มากกว่า นี่คือการโกงแบบตัดไฟแต่ต้นลมชัด ๆ “กรรมการบอกให้ผมหยุดพักก่อน (หลังจากโดนตัดคะแนน) ผมก็เชื่อตามที่กรรมการบอกเเล้วไง ผมหยุดพักและจะชนนวมกับเขา แต่พอผมเงยหน้าเท่าแหละ บู้ม ! ผมก็น็อคไปแบบที่พวกคุณเห็นนั่นแหละ” ออร์ติซ กล่าว ช็อตดังกล่าวคือช็อตที่ทำให้

“พริตตี้ บอย” เสียรังวัด เนื่องจากในการตัดฉากนั้นเพียงฉากเดียวและฉายผ่านสื่อต่าง ๆ ทำให้ภาพลักษณ์ของฟลอยด์ ยิ่งถูกตอกย้ำว่าเป็นพวกขี้โกง และลูกรักของกรรมการ เหมือนที่เคยเป็น ๆ มาก่อนหน้านี้ ไม่แปลกที่หลายคนจะมองแบบนั้น แต่ ฟลอยด์ ก็คือ ฟลอยด์ เขาตอบกลับทันทีหลังจากโดนมองเป็นพวกขี้โกง คำตอบของเขานั้นชัดเจน และทำเอาเหล่ากองแช่งหน้าสั่น โฆษกเวทีวันนั้นเอาไมโครโฟนจ่อปากฟลอยด์หลังจากที่เขาปล่อยหมัดที่ถูกเรียกว่า “หมัดอัปยศ”

แน่นอน เนื้อหาคำถามคือการรุกใส่ฟลอยด์ว่า อะไรดลใจที่ทำให้เขาต่อยในจังหวะทีเผลอที่คู่ชกไม่พร้อมแบบนั้น ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย และคิดจะขอโทษไหมหลังจากชนะ “ก็แล้วยังไงล่ะ ผมไม่ขอโทษมันหรอก” ฟลอยด์ กล่าวหลังไฟต์นั้นจบลง “ก็ผมโดนเล่นงานด้วยวิธีสกปรก ๆ ก่อน ไม่แปลกที่ผมจะตอบโต้กลับไปแบบนั้น ให้มันจบ ๆ ไปซะอย่ายืดเยื้อ ผมจะบอกให้นะ ชกระดับนี้คุณต้องป้องกันตัวเองตลอดเวลา นวมก็ชนแล้วด้วยจะเอาอะไรอีก ?

สุดท้ายผมชนะหรือเปล่า ? ถ้าหาว่าผมกลัวไหม ผมบอกได้เลยว่าถ้า ออร์ติซ อยากจะล้างตา ผมพร้อมเปิดโอกาสรอต้อนรับเขาทุกวินาทีหลังจากนี้ เมื่อไหร่ก็ได้ ขอให้มาเถอะ” ฟลอยด์ กำลังสอนให้ ออร์ติซ รู้จักโลกของมืออาชีพ และการชกแบบที่แชมป์โลกทำกัน “ไม่มีนักมวยคนไหนเดินมาขอจับมือตอนระหว่างชกหรอก หาว่าผมขี้โกงเหรอ เดี๋ยวคุณก็รู้ HBO จะไล่คุณออกผมจะบอกให้ คุณแม่งไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมวยเลยนี่หว่า” ฟลอยด์ แถมด้วยการแขวะใส่

ผ่านการให้สัมภาษณ์บนเวทีกับ แลร์รี่ เมอร์ชานต์ โฆษกสนามในวันนั้น ประโยคดังกล่าวทำเอา เมอร์ชานต์ ถึงกับเจ็บจี๊ด จนหลุดคุยกับ ฟลอยด์ ว่า “ฉันหวังจริง ๆ ว่าฉันจะอายุน้อยกว่านี้ซัก 50 ปี ถ้าทำได้ ฉันจะอัดแกให้ยับเลยจะบอกให้” ทำไม ฟลอยด์ จึงบอกว่า ออร์ติซ โกงก่อน ในไฟต์นั้น ออร์ติซ เองก็แสบไม่ใช่เล่น เพราะมีทั้งการแอบกัด เอาหัวโขกอยู่หลายครั้ง (โดนจับฟาวล์ครั้งเดียว) และหากย้อนกลับไปในอดีต ตัวของ ออร์ติซ เองก็เคยมีประวัติเรื่องแบบนี้มาไม่น้อย

โดยไฟต์แรกที่เขาแพ้ในอาชีพนักชก คอร์ลี่ย์ อลาร์กอน ในปี 2005 นั้น เกิดขึ้นเพราะเอาหัวโขกคู่ชก ฟลอยด์ ยืนยันคำเดิมว่า ออร์ติซ แค่โชคร้ายที่เจอมวยประสบการณ์อย่างเขา ฟลอยด์ ผ่านโลกแห่งการชกมามากจนแพรวพราวไม่แพ้ใคร หากหวังว่าเหลี่ยมของ ออร์ติซ มากกว่า ฟลอยด์ นั่นคือการเริ่มไฟต์ด้วยทัศนคติที่ผิดตั้งแรกแล้ว จะมาขอจับไม้จับมือเล่นจิตวิทยากับคนอย่าง ฟลอยด์ นั้นเร็วไป 10 ปี อย่างแท้จริง “วิคเตอร์ ยังไม่พร้อมหรอกสำหรับการเป็นแชมป์

โลกที่โดนแสงสปอตไลท์ส่องจากทั่วทุกทิศแบบ ฟลอยด์ ทำไมเขาถึงลดการ์ดลง การเคลื่อนไหวนั้นโง่เขลามากที่เดินดุ่ม ๆ เข้ามาหา เมย์เวทเธอร์” โทนี่ ยาโย หนึ่งในผู้ชมเกมวันนั้นกล่าว ขณะที่ บิ๊ก ฌอน แร็ปเปอร์ชื่อดังที่เข้ามาชมเกมไฟต์นั้นก็มองในแบบเดียวกันว่า มันเป็นเรื่องของเหลี่ยม ออร์ติซ เตรียมตัวมาดีเป็นปี ๆ แต่กลับแพ้เพราะเสียเหลี่ยมมวยให้กับคนที่เหลี่ยมจัดกว่าอย่าง ฟลอยด์ เท่านั้น “ใครจะบอกว่า ฟลอยด์ โกงก็พูดได้ แต่ตามกติกาเเล้วมันไม่ผิด

ฟลอยด์ นั้นมีสมาธิกับไฟต์ตลอดเวลาและฉลาดเป็นกรด ถ้ามันไม่ผิดกฎก็คือไม่ผิดไป ออร์ติซ ก็ทำใส่เขาเหมือนกัน แต่เขาก็โดนตอบกลับเหมือนกันทุกอย่าง” บิ๊กฌอน กล่าว ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร หลายสิ่งไม่เคยเปลี่ยนเเปลง คนที่เกลียด ฟลอยด์ ก็ยังคงเกลียดเขาไม่เปลี่ยน และอาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ และ ฟลอยด์ เองก็ทำแบบเดิมไม่ว่าจะค้านสายตาใคร แต่สุดท้ายเขาก็เป็นผู้ชนะเหมือนทุกครั้ง

 

คลิ๊กเลย >>> https://www.ufabetwins.com/

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล